สุดยอดหนังสารคดีที่จะปลุกมนุษย์ให้ตื่นจากโลกสวยยอมรับโลกร้อนได้ - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
สุดยอดหนังสารคดีที่จะปลุกมนุษย์ให้ตื่นจากโลกสวยยอมรับโลกร้อนได้

เราพูดถึงจุดเริ่มต้นของถุงพลาสติกเจ้าปัญหากันไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ รวมถึงเอ่ยไว้ด้วยว่าสาเหตุหนึ่งของปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเพราะส่วนใหญ่ผู้คนไม่ได้ตระหนักรู้หรือเห็นผลกระทบนั้นมากเท่าไหร่นัก พวกเรารู้กันแค่ว่าตอนนี้โลกทรงกลมมีน้ำเป็นส่วนประกอบแห่งนี้กำลังเจอภาวะโลกร้อนอย่างหนักแค่นั้น

กองขยะโตเท่าภูเขา  เต่าทะเลตายเพราะขยะพลาสติก หรือหมีขั้วโลกใกล้สูญพันธ์ไม่ใช่ภาพที่พวกเราเห็นในชีวิตประจำวัน ไม่มีใครล่วงรู้ถึงปัญหาเหล่านี้ถ้าไม่ใช่คนที่คลุกคลีอยู่กับสิ่งแวดล้อม ดั่งคำโบราณว่าไว้สิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น..เพราะฉะนั้นการจะปลุกมนุษย์โลกให้ตื่นจากโลกสวยยอมรับโลกร้อนได้นั้น ต้องพึ่งสารคดีมาเป็นตัวช่วย

https://www.youtube.com/watch?v=8wkR-PSIu4A

มีสารคดีและภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกร้อนแฝงตัวอยู่ในสื่อภาพยนตร์มากมายบนโลกใบนี้แต่ที่ทั่วโลกให้การยอมรับเพราะเรียกได้ว่าเป็นการเผยโฉมผลการทำลายสิ่งแวดล้อมของมนุษย์แบบประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกจริงๆ คือภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “An Inconvenient Truth (2006)” ของ อัลเบิร์ต อาร์โนลด์ อัล กอร์ จูเนียร์  หรือ อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 ซึ่งปัจจุบันเป็นนักเคลื่อนไหวรณรงค์เแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกคนสำคัญ

ในภาพยนตร์สารคดีสิ่งแวดล้อมเรื่อง “An Inconvenient Truth (2006)”  เป็นการตามติด ชีวิต อัล กอร์ ที่ออกเดินทางท่องไปทั่วโลกเพื่อนำเสนอเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกในฐานะตัวแทนการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม และหวังให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตัวจุดชนวนให้คนทั้งโลกตระหนักถึงวิกฤตโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้นและผลักดันให้ยุติการถกเถียงปฏิเสธข้อเท็จจริงด้วยการเปิดโปงว่ามนุษย์เป็นผู้ก่อก๊าซเรือนกระจก ยิ่งปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้นเท่าไรก็จะยิ่งเร่งอุณหภูมิของโลก และเร่งการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกมากขึ้นเท่านั้น หากมนุษย์สามารถสร้างมลพิษที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับโลกได้ มนุษย์ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งเขากับทีมงานก็ทำได้สำเร็จเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการยกย่องจนสามารถคว้ารางวัลออสก้าร์สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม ครั้งที่ 79 มาครอง และเพลงประกอบยอดเยี่ยมจาก I Need to Wake Up ของเมลิสสา เอเธอริดจ์ ทั้งยังส่งผลให้อัล กอร์ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีถัดมาด้วย

ผ่านไปหนึ่งทศวรรษ อัล กอร์กลับมาสานต่อสิ่งที่หนังสารคดีเรื่องแรกเริ่มต้นเอาไว้ในภาพยนตร์เรื่อง “An Inconvenient Sequel: Truth to Power (2017)” หรือที่บ้านเราใช้ชื่อว่า An Inconvenient Truth 2 โดยยังคงนำเสนอเรื่องราวคล้ายภาคแรกคือการว่าด้วยภาวะโลกร้อนแต่จะเจาะลึกลงไปในเรื่องความพยายามที่จะให้นานาประเทศตกลงเซ็นสัญญาหาทางแก้ปัญหานี้ร่วมกันของอัล กอร์ ซึ่งไฮไลท์และไคลแม็กซ์อยู่ที่การประชุมเรื่องนี้เมื่อปี 2016 ณ กรุงปารีส

ขณะที่เรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาหรือผลกระทบของภาวะโลกร้อน จะเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างหลังจากภาพยนตร์ชุดแรกปล่อยออกไป เช่น เรื่องธารน้ำแข็งที่พังทะลายเพิ่มขึ้น เร็วขึ้น สภาวะน้ำท่วมและความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติในพื้นที่ต่างๆ ของโลก  แต่ก็กล่าวถึงการตื่นตัวของหลายๆ ประเทศที่พยายามหาทางลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปเป็นพลังงานทดแทน ตลอดจนการแสดงให้เห็นว่าผู้คนที่เข้ารับการอบรมเรื่องนี้กับกอร์ ได้สานต่อสิ่งที่เขาทำไปถึงไหนแล้วบ้าง ก่อนปิดจบด้วยการตอกย้ำว่า มนุษย์เราถ้าไม่เข้าตาจนหรือโดนเข้ากับตัวเองก็ยังไม่รู้สึกซะที

เราอาจจะเคยเห็นหนังทั้งสองเรื่องผ่านตากันมาบ้างในคาบวิชาวิทยาศาสตร์หรือฟรีทีวีที่ฉายช่วงรอบดึก แต่หากคุณอยากจะกลับไปดูอีกสักครั้งว่าโลกร้อนน่ากลัวอย่างไรนั้น สารคดีสองเรื่องนี้ช่วยคุณได้

Source : 1|2

Suthamat
The girl with flowers tattoo

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save