ต้อนรับวันฮาโลวีนได้ทุกวันด้วยสุดยอดซี่รี่ส์นวนิยายแนวสยองขวัญ ระทึกขวัญจาก 4 นักเขียนไทยชั้นแนวหน้าของวงการวรรณกรรม ให้บรรดาเหล่าแฟนๆนักอ่านหรือใครก็ตามผู้รักเรื่องลี้ลับได้ไปตามหามาอ่านกันครบทุกเล่ม

1. 7 วันจองเวร

เริ่มต้นด้วยซี่รี่ส์นวนิยายสยองขวัญของ“ภาคินัย กสิรักษ์” นักเขียนชื่อดัง หลายคนอาจคุ้นหูนวนิยายชุดนี้กันมาบ้างเพราะเคยนำไปสร้างเป็นละครชื่อเดียวกันทางช่องเวิร์คพ้อยเมื่อปี พ.ศ. 2558 แถมในปีเดียวกันทางช่อง 7 สี ก็นำนวนิยายของภาคินัยเรื่อง “นางชฎา” ไปสร้างเป็นละครด้วยเช่นกัน กระแสความฮิตของละครบวกกับแฟนนักอ่านทำให้หนังสือชุดนี้ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า การันตรีด้วยยอดพิมพ์ซ้ำมากกว่า 20,000 เล่มทุกปก และถูกนำไปดัดแปลงเป็นหนังสือฉบับการ์ตูนด้วย

สไตล์การเขียนของภาคินัยนั้นจะค่อยๆผูกปมไปทีละปม ชวนให้ติดตามแล้วค่อยคลายปมในช่วงท้าย จึงทำให้ยากในการคาดเดาว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่มักจบหักมุมเสมอ ตรงจุดนี้เองที่เรียกเป็นเสน่ห์ดึงให้คนอ่านรู้สึกลุ้นระทึกตาม นวนิยายชุด 7 วันจองเวร นั้นเป็นเรื่องสัมผัสพิเศษในการมองเห็นวิญญาณของคนที่เกิดวันต่างๆ แล้วต้องเข้าไปพัวพันกับความตาย มีทั้งหมด 7 เล่ม ได้แก่ 

WARD ห้องคลอดมรณะ  เรื่องของคนเกิดวันอาทิตย์ที่มักมีจิตสื่อสารกับคนท้อง ว่ากันว่าถ้าได้ใกล้สตรีมีครรภ์มักจะได้เห็นวิญญาณรอบตัว

Mirror กระจกสั่งตาย เรื่องของคนเกิดวันจันทร์ที่มักมีจิตสื่อกับกระจกเงา ว่ากันว่ายามใดได้ใกล้กระจกหลังเที่ยงคืนมักจะเจอ สิ่งเร้นลับรอบตัว 

Haunted อาถรรพ์เรือนลั่นทม เรื่องของคนเกิดวันอังคารที่มักมีจิตสื่อกับห้องน้ำ ว่ากันว่าถ้าได้ใกล้กับห้องน้ำมีประวัติไม่ดีงามมักจะเจอสิ่งเร้นลับเสมอ  

THEATER ตีตั๋วไปตาย เรื่องของคนเกิดวันพุธที่มักมีจิตสื่อสารกับงานศพ ว่ากันว่าหากได้ไปงานศพดวงวิญญาณที่ไม่ได้รับเชิญจะตามกลับมาด้วย 

Stairs 12 ขั้น บันไดผี เรื่องของคนเกิดวันพฤหัสบดีที่มักมีจิตสื่อสารกับบันไดบ้าน ว่ากันว่าหากจ้องมองที่บันไดในยามค่ำคืนมักเจอสิ่งเร้นลับชวนขวัญผวา

Reality ท้าคนเป็น เห็นคนตาย เรื่องของคนที่เกิดวันศุกร์ซึ่งเชื่อกันว่ามักมีจิตสื่อสารกับแหล่งน้ำ ว่ากันว่าหากไปยังเกาะแก่งแม่น้ำอาจจะได้พบเห็นวิญญาณสัมภเวสี 

Holy ศพ-เซ่น-ศาล เรื่องคนเกิดวันเสาร์ที่มักมีจิตสื่อสารกับศาลพระภูมิ ว่ากันว่าหากจ้องมองหรือลบหลู่ศาลพระภูมิมักจะเจอดี 

 

2. ภูตผีปีศาจไทย

หนังสือรวมเรื่องสั้นชุด “ภูตผีปีศาจไทย” ของ เหม เวชกร ศิลปินชื่อดังผู้โด่นเด่นทั้งด้านจิตรกรรมและวรรณกรรมแนวสยองขวัญ  ผลงานชุดนี้ถูกนำไปสร้างเป็นละครเรื่องผี วิญญาณ และความผูกพัน ฉายสถานีโทรทัศน์ไอทีวี เมื่อนานมาแล้ว และถึง เหม เวชกร จะจากโลกนี้ไปนานแล้วแต่ผลงานของเขายังเป็นที่นิยมในหมู่คนรักเรื่องราวสยองขวัญ ถือว่าเป็นแรร์ไอเทมในหมู่นักสะสมเลยก็ว่าได้

สไตล์งานเขียนของ เหม เวชกร มีความโดดเด่นตรงที่การบรรยายฉากต่างๆ มักจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณี การแต่งตัว ตลอดจนวิถีชีวิตต่างๆ ของคนไทยในช่วง พ.ศ.2476-2512 เมื่ออ่านไปก็จะรู้สึกอินตามคล้ายเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วย รวมถึงตัวละครผีในเรื่องก็ไม่ได้โหดร้ายอำมหิต ไม่มีเหตุผลแบบพล็อตหนังผีทั่วไป แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะความห่วงหา ความผูกพันกับโลกมนุษย์มากกว่า ไม่ก็จะเป็นเรื่องรักระหว่างสองภพอันซาบซึ้งกินใจ โดยสอดแทรกวัฒนธรรมและคติธรรมไว้ในเรื่องราวต่างๆเหล่านั้นด้วย

ในหนังสือชุดนี้มีด้วยกันทั้งหมด 5 เล่ม ได้แก่ วิญญาณที่เร่ร่อน , ปีศาจของไทย ,ผู้มาจากเมืองมืด ,ผู้ที่ไม่มีร่างกาย และใครอยู่ในอากาศ  โดยทั้งหมดนั้นมีเรื่องสั้นมากกว่า 101 เรื่อง ใครอยากได้คงจะต้องตามหาร้านมือสองเท่านั้นนะเพราะอย่างที่บอกไปว่าเป็นของหายากและไม่มีวางขายแล้วแต่ก็ได้ยินแว่วๆมาว่าอาจมีโครงการจัดพิมพ์ในอนาคต ซึ่งก็ไม่ใช่เร็วๆนี้ แน่นอน

3. The game เกมร้อยวิญญาณ

ซี่รี่ส์นวนิยายแนวสยองขวัญของนักเขียนนามปากกาว่า  “ข้าเจ้า” สาวน้อยผู้แจ้งเกิดในเว็บเด็กดีตั้งแต่อายุ 15 เธอเป็นผลผลิตจากโครงการปั้นนักเขียนรุ่นเยาว์  T.W.4 Project One (Teen Writers Project one) ของสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊คส์ ตั้งแต่ผลงานเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงบนโลกอินเตอร์เน็ตก็ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ติดกันระนาด พอตีพิมพ์เป็นหนังสือก็ขายหมดเกลี้ยงจนแทบหาซื้อไม่ได้แล้ว แถมโด่งดังไปไกลถึงไต้หวันด้วย

สไตล์งานเขียนของเธอมีสำบัดสำนวนที่ชวนให้ขนหัวลุก น่ากลัวแต่ก็น่าติดตามได้ในเวลาเดียวกัน เพราะมีการเล่าเรื่องสลับมุมมองแต่ตัวละครคล้ายกับภาพยนตร์

ซี่รี่ส์ The game เกมร้อยวิญญาณ มีทั้งหมด 4 เล่มด้วยกัน โดยเล่มแรกชื่อ “The Game เกมร้อยวิญญาณ”  เล่าถึงเกมสยองของเด็กนักเรียนสาวสี่คนที่บังเอิญพบแผ่นกระดาษที่มีข้อความประหลาดเขียนไว้ พวกเธอรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับเกมส์ๆหนึ่งจากเรื่องเล่าขานในโรงเรียน ความอยากรู้อยากเห็นทำให้พวกเธอตัดสินใจทดลองเล่นเกมนั้น เกมอันซึ่งต้องอัญเชิญวิญญาณคนตายในโรงเรียนมาร่วมเล่นด้วย 1 ตน ก่อนที่จะต้องออกไปตามหาวิญญาณสัมภเวสีอีก 99 ตนให้ครบตามกำหนด 21 วันไม่อย่างนั้นต้องแลกด้วยชีวิต

เล่มสองชื่อ “The Game เกมร้อยวิญญาณ 2″ เล่มนี้เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นด้วยการจากไปของตัวละครในเล่มแรกและการเข้ามาเป็นผู้เล่นใหม่ของรุ่นน้อง ม.2 ทำให้ผู้ตัวเอกจากเล่มแรกต้องกลับเข้าไปผัวพันกับเกมร้อยวิญญาณอีกครั้ง โดยครั้งนี้ทำให้เธอเข้าใกล้ความจริงมากกว่าเดิมว่าเกมส์นี้มันคืออะไร เล่มที่สามชื่อ “The Game เกมร้อยวิญญาณ 3″  เรื่องเกมส์สยองขวัญนี้หลุดออกไปถึงหูนักข่าวจากวงแคบกลายเป็นรู้ในวงใหญ่ ทางเดียวที่จะปกป้องโรงเรียนและคลี่คลายเรื่องนี้ได้คือกลับไปเล่นมันอีกครั้งหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันก็มีคนคิดทำหลายเกมส์นี้ให้สิ้นซาก ส่วนเล่มสุดท้าย ชื่อ “The Game เกมร้อยวิญญาณ The Last Secret”  เป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่ทำให้ภาพตัวต่อที่ชื่อว่า “เกมร้อยวิญญาณ” ครบถ้วนสมบูรณ์ เรื่องราวความลับที่ยังไม่กระจ่างในสามเล่มแรก เล่มนี้ทุกอย่างจะถูกเปิดเผย

4. สามศพ

ส่งท้ายกันด้วยนักเขียนเรื่องสั้นแนวหักมุม เขย่าขวัญ ผู้ได้รับฉายา สตีเฟ่น คิง เมืองไทย “สรจักร ศิริบริรักษ์” เหล่านักอ่านหนังสือแนวสยองขวัญ หรือระทึกขวัญ คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อนี้เพราะเขาคือปรากฏการณ์ใหม่ในโลกหนังสือเมืองไทยเลยก็ว่าได้ ออกมากี่เล่มก็ไม่เคยทำให้แฟนๆผิดหวัง แถมยังมียอดตีพิมพ์ถล่มทลาย หากใครได้เคยอ่านก็คงเข้าใจดีว่าทำไมเขาถึงได้รับฉายาเช่นนั้น เพราะสรจักรสามารถถ่ายทอดจินตนาการอันแหลมคมได้อย่างมากฝีมือ เพียบพร้อมไปด้วยเงื่อมปม ยากแก่การคาดเดา เพราะพลิกไปพลิกมาและมักจบหักมุมตอนท้าย จึงทำให้รู้สึกสนุกแต่กช็ผวาในเวลาเดียวกัน

ผลงานเรื่องสั้นทั้งหมดของสรจักรมีรวมๆราว 200 เรื่อง สำนักพิมพ์มติชนนำมาตีพิมพ์รวมเป็นซี่รี่ส์ “สามศพ สามผี สามวิญญาณ”  ซึ่งวันนี้เราจะขอแนะนำชุด สามศพ ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 3 เล่ม คือ”ศพใต้เตียง” 19 เรื่องสั้นหักมุม เขย่าขวัญ ฆาตกรรมอำพรางที่สนุกสนาน ระทึกใจ ดึงผู้อ่านสู่โลกจินตนาการอันแปลกไป ขณะเดียวกันก็ฉุกให้ตระหนักถึงผลพวงจากสภาพสังคมที่วิกฤติลงทุกที พร้อมกับตั้งคำถามถึงปัญหาทางศีลธรรมไว้ให้ขบคิด “ศพท้ายรถ”  รวมเรื่องสั้นที่ถ่ายทอดความจริงของสังคมเมืองและสะท้อนความลึกล้ำซับซ้อนในจิตใจมนุษย์เกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อเด็กๆ “ศพข้างบ้าน”  รวมเรื่องสั้นหักมุมถ่ายทอดความจริงของสังคมและจิตใจมนุษย์ เนื้อเรื่องเพียบพร้อมไปด้วยเงื่อมปมที่ผูกไว้ หลอกซ้อนหลอก ลวงแล้วลวงเล่า หักมุมตอนท้าย

Source&Photo : 1|2|3|4|5|6