รวมการ์ตูนยอดฮิตในวัยเด็ก จากลายเส้น สู่อนิเมะ สาวกมังงะต้องรู้จัก!! - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
รวมการ์ตูนยอดฮิตในวัยเด็ก จากลายเส้น สู่อนิเมะ สาวกมังงะต้องรู้จัก!!

1. ONE PIECE

วันพีซ (ชื่ออังกฤษ One Piece) เป็น การ์ตูนญี่ปุ่นที่เขียนโดย เออิจิโระ โอดะ เรื่องราวของการตามหา “วันพีซ” ซึ่งมีความเชื่อว่าผู้ที่ได้มาครอบครองจะได้เป็นจ้าวแห่งโจรสลัด การ์ตูนเรื่องนี้เริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสาร โชเน็นจัมป์ ของสำนักพิมพ์ ชูเอฉะ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และเนื่องจากความโด่งดังของ วันพีซ จึงได้รับการดัดแปลงเป็น อนิเมะ นวนิยาย รวมไปถึง เกมออนไลน์ อีกหลายภาคด้วยกัน

ซึ่งในประเทศไทย วันพีซได้ลิขสิทธิ์โดย สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ และตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูน ซี-คิดส์ รายสัปดาห์  ได้ลิขสิทธิ์โดย Audio & Video Entertainment (เฉพาะภาคแรก) และ ดรีม เอกซ์เพรส (เดกซ์) (ตั้งแต่ภาคแรก) และได้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็มคอตเอชดี และผ่านดาวเทียม ช่อง การ์ตูนคลับแชนแนล นอกจากนี้ ยังเคยออกอากาศทางฟรีทีวี ช่อง ไอทีวี, ทีไอทีวี, โมเดิร์นไนน์ทีวี และ ช่อง 3 ซึ่งก็กระแสตอบรับจากแฟนๆ ก็ดีมากๆเลยทีเดียว

นอกจากนี้แล้ว วันพีซยังเป็นการ์ตูนที่ได้รับการตีพิมพ์ที่สุดในโลก โดยตีพิมพ์ไปมากกว่า 320 ล้านเล่มทั่วโลกระหว่างปี พ.ศ. 2540 ถึง 2557 ต้องยอมรับเลยว่าจุดเด่นที่เป็นเสน่ของเรื่องนี้อยู่ที่ การที่นักวาดนั้นได้สร้างสรรค์ความฝัน และจินตนาการ ในเรื่องของการผจญภัยกับเหล่ามิตรแท้ในวัยเด็ก ซึ่งก็ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจของหลายๆ คน เป็นการเล่าเรื่องได้อย่างมีเสน่ห์ โดยระหว่างการเดินทางนั้น ลูฟี่และผองเพื่อนต้องเจออุปสรรคในการพิสูจน์มิตภาพมากมาย รวมทั้งได้เรียนรู้เรื่องราว และตำนานของบุคคลต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในเนื้อเรื่อง

2. DRAGON BALL

ถัดมาที่ดราก้อนบอล เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานของอากิระ โทริยาม่า เป็นการ์ตูนที่ได้รับความนิยมทั่วโลกสูงมาก เรียกว่าตีคู่มากับ วันพีซ จนได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเนนจัมป์ตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2527 – พ.ศ. 2538 และรวมยอดขาย 240 ล้านเล่มทั่วโลก ซึ่งก็มียอดขายสูสีกับการ์ตูนเรื่องวันพีชเลยทีเดียว ในส่วนของประเทศไทยเคยลงตีพิมพ์ใน ทาเล้นท์ และ ซีโร่ ในช่วงก่อนที่มีลิขสิทธิ์การ์ตูน และหลังจากนั้นได้ตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูนบูม ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัท เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด นั่นเองจ้า

ในส่วนเนื้อเรื่องของดราก้อนบอลนั้น ก็จะเป็นเกี่ยวกับการผจญภัยของ ซุน โกคู กับภารกิจที่ต้องรวบรวมดราก้อนบอลให้ครบทั้งหมด 7 ลูก เพื่อที่จะขอพรหนึ่งข้อจากเทพเจ้ามังกรอันศักด์สิทธิ์ โดยระหว่างการเดินทางโกคูต้องพบกับมิตรภาพ และอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นตลอดการเดินทาง โดยลักษณะการดำเนินเรื่องในช่วงต้นนั้น น่าจะเอาแรงบรรดาลใจมาจากเรื่องไซอิ๋ว ซึ่งกำหนดให้ซุนโกคู มีชื่อเดียวกับซุนหงอคง และยังให้มีปิศาจหมู อูลอน ที่มีลักษณะคล้าย ตือโป้ยก่ายอีกด้วย

และเรื่องดราก้อนบอลนี้ ยังมีการสร้างมาหลายภาคทั้งในฉบับมังงะ และอะนิเมะ และยังมีการนำไปทำเป็นวิดีโอเกมหลายต่อหลายภาค รวมไปถึงการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ดราก้อนบอล ที่นำแสดงโดย จัสติน แชตวิน, เอ็มมี รอสซัม และ พระเอกในตำนานอย่างโจว เหวินฟะ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 ดราก้อนบอล ก็ได้ถูกนำมาสร้างใหม่ขึ้นอีกครั้งในชื่อว่า ดราก้อนบอล ไค โดยจะมีเนื้อหาของภาค ดราก้อนบอล Z มาสร้างใหม่ ในระบบ High Definition Television (โทรทัศน์ความละเอียดสูง) ซึ่งเนื้อหาแต่ละตอนจะถูกตัดต่อขึ้นใหม่ เพื่อให้กระชับฉับไว ในเรื่องของเสียงประกอบ และ ดนตรี ก็ยังมีการแต่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เหมาะกับยุคสมัย แต่ก็ยังคงใช้ทีมนักพากย์เดิม และเริ่มออกอากาศทางช่อง ฟูจิทีวี

ในฉบับหนังสือการ์ตูนนั้น ได้ใช้ชื่อ ดราก้อนบอล ตลอดทั้งเรื่อง แต่ฉบับภาพยนตร์การ์ตูนได้ใช้ชื่อแตกต่างกันก็คือ..

  • ดราก้อนบอล (ภาคแรก) (Dragon Ball) (ค.ศ.1986-1989) ดำเนินเรื่องตามฉบับหนังสือการ์ตูน นับตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงการแต่งงานของโกคู
  • ดราก้อนบอล Z (Dragon Ball Z) จะดำเนินเรื่องตามฉบับหนังสือการ์ตูนต่อจนจบเล่ม 42 ในพาร์ทของจอมมารบู และสำหรับภาคแอนิเมชั่นของ ดราก้อนบอล Z ยังถูกแบ่งย่อย ออกเป็น 16 ตอน ด้วยกัน
  • ดราก้อนบอล GT (Dragon Ball GT) (ค.ศ.1996-1997) ในตอนแรกนั้นอะนิเมะเรื่องนี้ ดำเนินเรื่องต่อจากภาค Z แต่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาสำหรับแอนิเมชันโดยเฉพาะ และภายหลังได้ประกาศว่าไม่เกี่ยวข้องกับฉบับหนังสือการ์ตูน และถือว่าเป็นจักรวาลคู่ขนานกับดราก้อนบอล Z อย่างสิ้นเชิง โดยเรื่องที่ต่อจากดราก้อนบอล Z จริงๆ คือดราก้อนบอลซุเปอร์นั่นเอง
  • ดราก้อนบอล ซูเปอร์ (Dragon Ball Super) (ค.ศ.2015-2018) ในพาร์ทนี้ ดำเนินเรื่องต่อจากภาค Z เป็นเนื้อเรื่องในช่วงหลังจากจบศึกการต่อสู้กับจอมมารบู ซึ่งโลกสงบสุขไปนานหลายปี แต่แล้วพวกโกคูก็ต้องพบกับศึกครั้งใหม่

3. REBORN : ครูพิเศษจอมป่วน รีบอร์น!

เรื่องราวของ ซาวาดะ สึนะโยชิ หรือ สึนะ เด็กหนุ่มธรรมดา ที่ได้พบกับ ครูพิเศษที่มีนามว่า ฺ“รีบอร์น” ที่บอกจะมาฝึกให้ สึนะ นั้นเป็นทายาทมาเฟีย เพื่อที่จะดูแลแก็งค์ต่อไป ซึ่งถ้าหากผ่านบทบดสอบทั้งหลายนั้น สึนะ ก็คือผู้สืบทอดหัวหน้าแก๊งมาเฟีย รุ่นที่ 10 ของแก็งมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง วองโกเล่ แฟมิลี่ แห่งอิตาลี

ครูพิเศษจอมป่วน รีบอร์น! เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่ดำเนินเรื่องจบแล้ว ทั้งในฉบับหนังสือการ์ตูนหรือมังงะ และในอะนิเมะก้ด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งเนื่อเรื่องและภาพเป็นผลงานโดย อะกิระ อะมะโนะ เป็นโครงเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตของ ซาวาดะ สึนะโยชิ ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนธรรมดา จนกระทั่ง “รีบอร์น” นักฆ่าของแก๊ง วองโกเล่ แฟมิลี่ มาเฟีย แห่งอิตาลี ได้มาทำการฝึกฝนให้สึนะ เพื่อสืบทอดเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟีย

“รีบอร์น” เริ่มตีพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่น ลงในนิตยสารรายสัปดาห์ โชเน็นจัมป์ โดยติดหนึ่งในอันดับขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว และฉบับรวมเล่มโดยสำนักพิมพ์ชื่อดัง ชูเอฉะ และยังมีการจัดทำภาพยนตร์การ์ตูน ในชื่อเรื่อง “ครูพิเศษจอมป่วน รีบอร์น!” ซึ่งผลิตโดยบริษัทอาร์ทแลนด์ และออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2549 จนถึง 25 กันยายน พ.ศ. 2553 ทางช่องทีวีโตเกียว

ในส่วนของประเทศไทย “ครูพิเศษจอมป่วน รีบอร์น!” ทางสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ได้ทำการซื้อลิขสิทธิ์ และตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูนซีคิดส์ รายสัปดาห์ และ ฉบับรวมเล่ม 36 เล่ม ซึ่งก็ได้กระแสตอบรับจากนักอ่านมังงะอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ถัดมาในส่วนภาพยนตร์การ์ตูนที่ได้รับลิขสิทธิ์โดยบริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งก็มีการวางจำหน่ายทั้งในรูปแบบของวีซีดี และดีวีดี และยังได้รับการออกอากาศทางช่องแก๊งการ์ตูน แชนแนล อีกด้วย

4. ฮิคารุเซียนโกะ

ฮิคารุเซียนโกะ หรือ ฮิคารุ : เซียนโกะ เกมอัจฉริยะ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมสูงเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเกมหมากกระดานที่ในญี่ปุ่นเรียกว่า “โกะ” ซึ่งเป็นผลงานการแต่งเรื่องโดยยุมิ ฮตตะ และวาดภาพโดยทะเกะชิ โอะบะตะ นอกจากนี้การ์ตูนชุดดังกล่าวได้รับรางวัลโชกาคุคังมังงะอะวอร์ด สาขา โชเน็น ใน พ.ศ. 2542 อีกด้วย

ในฝั่งของญี่ปุ่น ฮิคารุเซียนโกะ เคยตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ ของสำนักพิมพ์ชูเอชะ ส่วนในประเทศไทย ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในการตีพิมพ์ได้แก่ เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ โดยลงตีพิมพ์เป็นรายสัปดาห์ในนิตยสารบูม ตั้งแต่ตอนแรกจนกระทั่งจบชุด และตีพิมพ์ในรูปแบบฉบับรวมเล่ม รวม 23 เล่มจบ ส่วนฉบับอนิเมะ ออกจำหน่ายในรูปแบบ VCD ลิขสิทธิ์โดย ไทก้า และเคยออกอากาศทางช่อง 3 ช่วงบ่ายโมงทุกวันเสาร์ โดยบริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ของพานทองแท้ ชินวัตร

หนังสือการ์ตูนชุด ฮิคารุเซียนโกะ นั้นสร้างยอดขายได้กว่า 22,000,000 เล่มในญี่ปุ่น ซึ่งในช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2554 หนังสือการ์ตูนเล่มที่ 22 ได้วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา และเล่ม 23 ซึ่งเป็นเล่มสุดท้าย กำหนดวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมที่สหรัฐอเมริกา

ในส่วนของเนื่อเรื่องก็คือ ฮิคารุ ชินโด  นักเรียนชั้น ป.6 ได้พบกระดานโกะเก่าแก่ที่ห้องเก็บของ ที่บ้านคุณตาโดยบังเอิญ วินาทีนั้นวิญญาณของ ฟุจิวาระ โนะ ซาอิ ครูสอนโกะของจักรพรรดิสมัยเฮอัน ที่สิงอยู่ในกระดานแผ่นนีั้ ได้ปรากฏกายขึ้น และเหมือนได้เข้ามาอยู่ในมุมหนึ่งในจิตใต้สำนึกของฮิคารุ และด้วยความฝังใจอันลึกซื้งของซาอิที่มุ่งมั่นเข้าสู่ความเป็น “หัตถ์เทวะ” ทำให้ซาอิต้องผลักดันให้ฮิคารุก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งโกะ จนได้มาพบกับ โทยะ อากิระ นักเรียนชั้นป.6 ผู้มีความสามารถในเชิงโกะเทียบเท่ามืออาชีพและได้เล่นโกะด้วยกัน

ซาอิในคราบของฮิคารุ ได้แสดงฝีมืออันน่าทึ่งจนทำให้ฮิคารุกลายเป็นเป้าหมายของอากิระ ส่วนความมุ่งมั่นของอากิระก็ได้จุดประกายบางอย่างในตัวของฮิคารุ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะตามอากิระให้ทัน ฮิคารุจึงปฏิเสธที่จะเดินหมากกับอากิระต่อไป แต่ได้ฝึกฝนตัวเองด้วยการเข้ามาอยู่ในชมรมโกะ โรงเรียน

จากนั้นอากิระก็ได้สอบเป็นมืออาชีพ และเลิกสนใจฮิคารุ วันหนึ่งฮิคารุได้มาพบกับประธานชมรมโกะโรงเรียนไคโอโดยบังเอิญ หลังจากได้เดินกับฮิคารุหนึ่งกระดานเพื่อรับทราบระดับของฮิคารุแล้ว ได้ทำให้ฮิคารุตระหนักถึงเส้นทางที่อากิระกำลังก้าวเดิน เมื่อฮิคารุทราบถึงระยะห่างระหว่างตนเองและความแตกต่างในความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงจุดหมายกับอากิระแล้ว ทำให้ฮิคารุไปสอบอินเซย์ (ที่ฝึกโกะให้เป็นมืออาชีพ) และในที่สุดก็ได้เป็นมืออาชีพและได้ประลองกับอากิระอีกครั้งในฐานนะชินโด ฮิคารุ ไม่ใช่ซาอิในคราบของฮิคารุ

5. SHAMAN KING

ราชันย์แห่งภูต (อังกฤษ: Shaman King) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานของ ฮิโรยูกิ ทาเคอิ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ อาซาคุระ โย ผู้มีพลังพิเศษสามารถมองเห็นวิญญาณ และเกิดในตระกูลชาแมน ซึ่งมีหน้าที่ติดต่อกับวิญญาณ และความฝันของโย ก็เพื่อที่จะสร้างโลกที่มีแต่ความสุข ทุกคนมีเวลาที่จะผ่อนคลายได้มองสายลม สูดกลิ่นธรรมชาติได้อย่างไม่เร่งร้อนเหมือนโลกปัจจุบัน และสิ่งที่จะช่วย อาซาคุระโยได้ก็คือ การประลองราชันแห่งภูต เพื่อที่จะได้รับพรจากเกรทสปิริตหากเป็นผู้ชนะ

ในประเทศไทย ราชันย์แห่งภูต ได้ลิขสิทธิ์จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ซึ่งตีพิมพ์เป็นตอนๆ ลงในนิตยสารซีคิดส์ ส่วนภาคอะนิเมะ ได้ลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายโดยอามีโก้ และเคยออกอากาศทางไอทีวี ในรายการ ไอทีวีการ์ตูนคลับ

6. BLEACH

เรียกว่าถูกยกย่องให้เป็น “1 ใน 4 จตุรเทพแห่งวงการการ์ตูน” ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งประกอบไปด้วย Bleach , One Piece , Naruto และ Toriko ซึ่ง Bleach เป็นการเล่าเรื่องราวของยมฑูตที่ต้องกำจัดสัตว์ประหลาดร้าย “ฮอลโลว์” เพื่อที่จะรักษาความสมดุลระหว่างโลกวิญญาณ และโลกมนุษย์ เป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหาความสนุกสนานเข้มข้น แฝงปรัชญากาพย์กลอนที่เล่าได้อย่างคมคายในทุกบทสนทนา แต่พอถึงตอนจบ ดูเหมือนจะจบได้ไม่ค่อยประทับใจแฟนๆเท่าที่ควร เพราะมีข่าวว่าแฟนการ์ตูนบางส่วนในต่างประเทศที่ไม่พอใจ ถึงขั้นเผาหนังสือการ์ตูนทิ้งกันเลยทีเดียวแหละ

เทพมรณะ หรือ บลีช ชื่ออังกฤษว่า Bleach เป็นผลงานการ์ตูนญี่ปุ่นของคุโบะ ไทเทะ ที่ได้รับการตีพิมพ์ลงนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ในประเทศญี่ปุ่น ระหว่างเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2544 ถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 ส่วนในประเทศไทยนั้นถูกตีพิมพ์ในนิตยสารบูม โดยมีสำนักพิมพ์เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์และจัดจำหน่ายในรูปแบบวีซีดีและดีวีดีโดยบริษัทโรส มีเดีย แอนด์ นั่นเองจ้า

ในพาร์ทของเนื้อเรื่องคร่าวๆก็คือ คุโรซากิ อิจิโกะ เด็กมัธยมปลายอายุ 15 ปีผู้มีความสามารถมองเห็นวิญญาณ ซึ่ง อิจิโกะ นั้นได้พบกับยมทูตหญิงชื่อ คุจิกิ ลูเคีย ในขณะที่เธอกำลังตามล่าฮอลโลว์ตนหนึ่ง ลูเคียได้พลาดให้กับฮอลโลว์ตัวนั้น จึงทำให้ลูเคียได้ถ่ายโอนส่วนหนึ่งของแรงดันวิญญาณ  ของเธอไปให้อิจิโกะ เพื่อให้อิจิโกะทำหน้าที่ยมทูตแทน ในระหว่างที่เธอต้องพักฟื้นพลังอยู่ในโลกมนุษย์

โดยมีอุราฮาร่า คิสึเกะ เป็นผู้แนะนำการใช้ร่างเทียม และหลังจากเหตุการณ์นั้น ทาง “โซลโซไซตี้” (เมืองของวิญญาณ และยมทูต) ได้ส่ง คุจิกิ เบียคุยะ (พี่เขยของลูเคีย) และอาบาไร เรนจิมาตาม ลูเคียเพื่อกลับไปยังโซลโซไซตี้ แต่อิจิโกะ นั้นได้เข้ามาขัดขวางจึงทำให้เกิดการปะทะกันขึ้นในตอนแรก เรนจิแพ้ให้กับอิจิโกะ แต่ด้วยความต่างชั้นของประสบการณ์ เบียคุยะ จึงสามารถเอาชนะอิจิโกะ พร้อมทั้งนำตัวลูเคียกลับโซลโซไซตี้ได้สำเร็จ

ก็เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนที่มีการเล่าเรื่องในการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ กับเหล่าวิญญาณ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้รับกระแสตอบรับจากเหล่าการ์ตูนได้ดีมากเช่นกัน และถึงแม้ว่าภายหลังตอนจบนั้นจะทำให้แฟนๆคาใจ กับเรื่องราวบทสรุปที่ค้างๆคาๆ แต่เชื่อว่าก็แฟนๆบางส่วนที่ยังคงมีหนังสือการ์ตูนเก็บไว้อย่างเเน่นอน

7. KUROKO NO BASUKE

คุโรโกะ โนะ บาสเก็ต ( Kuroko no Basuke ) ชื่อไทย นายจืดพลิกสังเวียนบาส หรือ ยอดดาวรุ่ง ทีมปาฏิหาริย์ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานของ ทาดาโทชิ ฟูจิมากิ ได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสาร โชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ ตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2550 และต่อมาถูกสร้างเป็นอนิเมะซีซันแรก ออกฉายในเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2555 (ญี่ปุ่น) ซีซันสองในเดือนตุลาคม ปี 2556 (ญี่ปุ่น) และซีซันสามหรือซีซันสุดท้ายในวันที่ 10 มกราคม ปี 2557 นอกจากนี้ยังมีโอวีเอ, แฟนดิสก์ และอื่น ๆ ออกมาอีกมาก

จากตำนานแห่งทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนมัธยมต้นเทย์โคที่มีผู้เล่นสุดแข็งแกร่ง 5 คน พวกเขาได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะ “รุ่นปาฏิหาริย์” ซึ่งหลังจากที่พวกเขาทั้ง 5 คน จบการศึกษาจากโรงเรียนนี้แล้ว ก็ต่างแยกย้ายไปเรียนในโรงเรียนใหม่ ที่มีทีมบาสเกตบอลชั้นนำ แต่มีผู้รู้ไม่กี่คนว่าความจริงแล้ว ยังมีผู้เล่นอีกคนในทีม เขาเปรียบเสมือนเงาของทีม และเป็นสมาชิกคนที่ 6 ในทีมถูกขนานนามว่า “ผู้เล่นมายาคนที่ 6” ซึ่งได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน

คางามิ ไทกะ ได้ย้ายมาเรียนและสมัครเข้าชมรมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน ซึ่งเขามีประสบการณ์การเล่นบาสเก็ตบอลมาจากอเมริกา และเมื่อมาเรียนที่โรงเรียนนี้ ก็ได้รู้จักกับ คุโรโกะ เท็ตสึยะ อดีตสมาชิกคนที่ 6 ในทีมของรุ่นปาฏิหาริย์ และได้กลายเป็นคู่หูกันในชมรมบาสเกตบอล และคุโรโกะยังบอกว่า อดีตสมาชิกในกลุ่มอีก 5 คนได้แยกย้ายไปอยู่ในโรงเรียนมัธยมที่มีทีมบาสเก็ตบอลชั้นนำ และมีฝีมือเหนือกว่าคางามิ ตัวคางามิและคุโรโกะจึงตั้งใจจะเอาชนะ อดีตสมาชิกที่เหลือทั้ง 5 ของรุ่นปาฏิหาริย์ให้ได้ เพื่อสร้างตำนานบทใหม่และพาทีมขึ้นไปสู่ที่ 1 ของระดับประเทศ…

เป็นเรื่องราวของเกมการแข่งขันของบาสเก็ตบอลที่เข้มข้น ดูเดือด กับเป้าหมายการเป็นที่ 1 และการมีตัวตนที่ทุกคนต้องยอมรับ รวมไปถึงบททดสอบความแข็งแกร่งของการเป็นผู้เล่น บาสเก็ตบอล เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับการยอมรับจากสาวกการ์ตูนว่าเป็นเรื่องราวที่มันส์สุดๆ และแน่นอนว่าหลายๆคนต้องเคยดูและเป็นแฟนพันธ์ุแท้อย่างแน่นอน

8. Gundam

ไหนมีใครไม่รู้จักเรื่องนี้ กันดั้ม (อังกฤษ: Gundam) เป็นซีรีส์แอนิเมชั่นญี่ปุ่นเกี่ยวกับหุ่นยนต์ต่อสู้ขนาดยักษ์ สร้างโดยบริษัทซันไรส์ Sunrise (company) กันดั้มนับเป็นอะนิเมะซีรีส์แรก ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มการ์ตูนหุ่นยนต์แนวเรียลโรบ็อท มีการสร้างภาคต่อ และภาคใหม่ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน และในบางตอนของกันดั้มหลายๆในซีรีส์ ทางซันไรส์ ก็ได้นำมาสร้างใหม่ เพิ่มเติมแบบขยายความจากเนื้อเรื่องเดิมในรูปแบบ คอมพิวเตอร์กราฟิกส์ โดยรวมกันในชื่อ Gundam Evolve ออกมา เรียกว่าเป็นการ์ตูนในตำนานอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

สำหรับคำว่า กันดั้ม เป็นคำเรียกรวม ๆ ของซีรีส์สองกลุ่มคือ กลุ่มที่ใช้ระบบปฏิทินแบบ Universal Century เช่น โมบิลสูทกันดั้ม และกลุ่มจักรวาลคู่ขนานอื่นๆ เช่น กันดั้มวิง กันดั้มเอกซ์ หรือ กันดั้มซี้ด นอกจากนั้นยังมีเรื่องชุดเอสดีกันดั้ม SD Gundam ซึ่งเอสดีเป็นตัวย่อมาจากคำว่าซูเปอร์ดีฟอร์ม ภาคแรกๆของเอสดีกันดั้มนี้มีเนื้อหาที่เป็นแนวตลกขบขันและล้อเลียนเนื้อหาของภาคหลัก เรียกว่ามีหลายภาค จนจำแทบไม่ไหวเลยทีเดียวเชียวแหละ

ในส่วนของผู้กำกับ และเขียนบทกันดั้มภาคแรกๆ นั่นก็คือ โทะมิโนะ โยะชิยุกิ ส่วนผู้ออกแบบตัวละครคือ ยะซุฮิโกะ โยะชิกะซุ หรือ YAS ในส่วนของเนื้อเรื่องของกันดั้มนั้น ก็ยังมีการเผยแพร่ทั้งในรูปแบบของหนังสือการ์ตูน และนิยาย ซึ่งมีทั้งเนื้อเรื่องที่เป็นการดัดแปลง ตัดทอน หรือขยายความจากเนื้อเรื่องในอะนิเมะซีรีส์ กับเรื่องที่เป็นภาคประกอบของเรื่องหลัก ปัจจุบันหนังสือการ์ตูนมีตีพิมพ์ในประเทศไทยโดยสำนักพิมพ์หลายแห่ง เช่น บงกช พับลิชชิ่ง และสยามอินเตอร์คอมิกส์ นอกจากนี้ยังถูกนำมาสร้างเป็นเกม รวมไปถึงการสะสมโมเดลหุ่นต่างๆ ที่เป็นตัวละครในเรื่องอีกด้วย แฟนพันธุ์แท้หมดไปกันเท่าไหร่ ไหนเล่ามาซิ!!

9. SOUL EATER

โซลอีทเตอร์ (อังกฤษ: Soul Eater) หรือในชื่อภาษาไทยว่า ยมทูตแสบสายพันธุ์ซ่า เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น วาดภาพและแต่งเรื่องโดยโอคุโบะ อัทสึชิ โดยมีการเล่าเรี่องเกี่ยวข้องกับกลุ่มหลัก 3 กลุ่ม ณ โรงเรียนช่างเฉพาะกิจผลิตอาวุธหรือชิบุเซ็น ซึ่งมีผู้ใช้อาวุธและอาวุธที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นมนุษย์ได้ โดยมีเป้าหมายหลักคือทำให้อาวุธกลายเป็น “เดธไซส์” โดยการเก็บรวบรวมวิญญาณของคิชิน 99 ดวง และ วิญญาณของแม่มด 1 ดวง แต่ถ้าหากทำไม่สำเร็จจะต้องเริ่มต้นหาวิญญาณใหม่ทั้งหมด โดยเดธไซส์จะสามารถใช้เป็นอาวุธสำหรับท่านยมทูตได้ นั่นเอง

ในตอนแรกของเรื่อง เปิดตัวโดยมากะ อัลบาร์น ผู้ใช้อาวุธ กับอาวุธเคียวปีศาจ โซล อีทเตอร์ สามารถรวบรวมไข่วิญญาณ คิชิน ได้ 99 ดวง และเมื่อได้วิญญาณของแม่มดอีก 1 ดวงก็จะทำให้ อาวุธกลายเป็น เดธไซส์ได้ แต่พลิกผันตรงที่ ผลสุดท้ายทั้งคู่ได้รวบรวมวิญญาณดวงสุดท้ายที่ไม่ใช่วิญญาณของแม่มด แต่กลับกลายเป็นวิญญาณของแมวที่ชื่อว่า แบลร์ ท่านยมทูตจึงทำการให้ทั้งสองจึงต้องเริ่มรวบรวมวิญญาณใหม่อีกครั้ง และจะต้องร่วมมือกับ แบล็คสตาร์ และสึบากิ ซึ่งในบทเรียนซ่อมที่ท่านยมทูตได้กำหนดให้

เรี่องนี้เคยตีพิมพ์เป็นเรี่องสั้นแบบตอนเดียวจบ 3 ตอน และหลังจากเรี่องนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น ก็ได้เรี่มตีพิมพ์เป็นเรี่องยาวลงนิตยสารโชเน็งกังกังรายเดือนของบริษัทสแควร์เอนิกซ์ตั้งแต่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 ถึง 12 สิงคาคม พ.ศ. 2556 โดยรวมเล่มได้ทั้งหมด 25 เล่ม และได้มีเรี่องแยกออกจากเรี่องหลักคือ โซลอีทเตอร์ น็อต! ชึ่งเป็นการเล่าเรี่องราวก่อนภาคหลัก ตีพิมพ์ลงนิตยสารเดียวกัน ตั้งแต่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554 ถึง 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ในประเทศไทย ฉบับมังงะได้ลิขสิทธิ์โดยสยามอินเตอร์คอมิกส์ตีพิมพ์เป็นฉบับภาษาไทย โดยได้ตีพิมพ์มังงะภาคหลักครบทั้ง 25 เล่ม ส่วน โซลอีทเตอร์ น็อต! ได้ตีพิมพ์มาแล้ว 4 เล่ม

10. ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ

การเริ่มเล่าเรื่องในปี 199X ที่โลกเกือบจะสูญสลายไปด้วยรังสีจากระเบิดนิวเคลียร์ ทำให้มนุษย์โลกหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด และต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอาหาร ซึ่งคนอ่อนแอก็จะตกเป็นเหยื่อของคนเข้มแข็งกว่า ราวกับโลกได้กลับคืนสู่ยุคแห่งความป่าเถื่อนอีกครั้งหนึ่ง

ตัวละครหลักอย่าง เค็นชิโร่ ชายหนุ่มพเนจรผู้มีรอยแผลเป็น 7 แห่งบนหน้าอก ได้เดินเข้ามาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในสภาพที่อดอยาก หิวโซ แต่ก็พลาดติดกับดักของชาวบ้านที่เกรงกลัวว่าบุคคลภายนอกนั้น จะเป็นโจรมาแย่งชิงน้ำ และอาหาร ทำให้เคนชิโร่ถูกจับขังไว้ในคุก จุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้พบกับ แบ๊ต เพื่อนร่วมห้องขังซึ่งเป็นเด็กหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ แต่ลึกๆก็มีจิตใจดี กับ ริน เด็กหญิงผู้ทำหน้าที่ดูแลห้องขัง แบ๊ต ฉวยโอกาสตอนที่รินเอาอาหารมาส่งให้ และจับรินไว้เพื่อจะขโมยกุญแจห้องขัง

แต่เค็นชิโร่ ก็ได้ช่วยรินไว้ เธอได้มอบทั้งน้ำดื่ม และอาหารให้แก่เคนชิโร่ อีกครั้ง ต่อมา กลุ่มโจร Z ก็ได้บุกเข้ามาปล้นน้ำและอาหารในหมู่บ้าน ซึ่งตัวหัวหน้าโจรได้จับรินเป็นตัวประกัน เมื่อเค็นชิโร่ได้ฟังจากคำบอกเล่าของ แบ๊ต ว่าโจรกลุ่มนี้โหดเหี้ยมมาก หากใครคิดขัดขืนหรือ ต่อต้านพวกมันก็จะถูกฆ่าทันที เคนชิโร่จึงรีบรุดออกมายังที่เกิดเหตุ และใช้วิชา ” หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ ” ของตน สังหารพวกโจรจนหมดสิ้น หลังจากนั้นเคนชิโร่ก็ออกเดินทางต่อไป เพื่อตามหา ยูเรีย คนรักของเขา โดยระหว่างทาง เคนชิโร่ต้องต่อสู้กับยอดยุทธ์หมัดเหนือและหมัดใต้ รวมถึงเหล่าร้ายอีกหลายต่อหลายคนด้วยกัน เพื่อความสงบสุขของผู้คนบนโลก

ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ (อังกฤษ: Fist of the North Star) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแนวต่อสู้ แต่งเนื้อเรื่องโดย บุรอนซอน และวาดภาพโดย เท็ตสึโอะ ฮาร่า ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารโชเน็นจัมป์ ปี พ.ศ. 2526-2531 ฉบับรวมเล่มมีทั้งหมด 27 เล่มจบ ต่อมาได้ถูกสร้างเป็นอะนิเมะ เกม โอวีเอ รวมถึงภาพยนตร์จอเงิน (ทั้งแบบใช้คนแสดง และแบบอะนิเมะ)

เรื่องราวกล่าวถึงเหตุการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งทำให้โลกกลับคืนสู่ยุคความป่าเถื่อน มีเพียง เคนชิโร่ บุรุษผู้มีรอยแผลเป็นรูปดาวเหนือ 7 แห่งบนหน้าอกเท่านั้นที่จะสามารถกอบกู้โลกได้ ด้วย “หมัดอุดรเทวะ” เพลงหมัดที่สามารถทะลวงจุดตายของคู่ต่อสู้ ส่งผลให้อวัยวะภายในแหลกเหลว และร่างกายระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ได้ในพริบตา

ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 ทางฮอลลีวู้ดได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง “Fist of the Northern Star” โดยเป็นการนำเค้าโครงเรื่องมาจากการ์ตูนเรื่องนี้ด้วย

11. โรงเรียนลูกผู้ชาย

โรงเรียนลูกผู้ชาย หรือ ขุนพลประจัญบาน หรือ นักเรียนนายร้อยเดนตาย เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแนวโชเน็น เขียนโดยอากิระ มิยาชิตะ ตีพิมพ์เป็นตอนในโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ระหว่างปี ค.ศ. 1985 ถึง 1991 ตีพิมพ์รวมเล่มโดยสำนักพิมพ์ชูเอย์ฉะ จำนวน 34 เล่ม

สำหรับเรื่อง โรงเรียนลูกผู้ชายเป็นมังงะแนวต่อสู้ – คอมมาดี้ กล่าวถึงโรงเรียนชื่อ โอโตโกจุกุ เป็นโรงเรียนชายล้วนที่มีลักษณะเหมือนโรงเรียนดัดสันดาน ที่รับเด็กเกเรเข้ามาฝึกศิลปะการป้องกันตัว และฝึกฝนวินัยการเชียร์กีฬาแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า Ōendan ตัวละครเอกในเรื่อง ได้แก่ครูใหญ่ของโรงเรียน ชื่อ เฮฮาจิ เอดะจิม่า อดีตทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่สอง, โมโมทาโร ซึรุงิ หรือ โมโม นักเรียนปีหนึ่ง และ โอมิโตะ ดะเตะ อดีตหัวหน้านักเรียน

ในประเทศไทย มังงะเรื่องนี้เคยตีพิมพ์ในหลายชื่อโดยหลายสำนักพิมพ์ ทำให้ต้องใช้ชื่อเรื่องที่ต่างกัน เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่มีกฎหมายลิขสิทธิ์ โดยชื่อที่ใช้ได้แก่ “ขุนพลประจัญบาน”, “สำนักบุรุษเหล็ก” หรือ “นักเรียนนายร้อยเดนตาย”

12. เซนต์เซย์ย่า

เซนต์เซย์ย่า (Seinto Seiya เซนโตะเซยะ) เป็นชื่อของหนังสือการ์ตูน ซึ่งแต่งขึ้นโดย มาซามิ คุรุมาดะ ซึ่งใช้กลุ่มดาวม้าบินมาเป็นตัวเอกดำเนินเเรื่อง เนื่องจากม้าบินกำลังอยู่ในท่าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ตรงกับภาพลักษณ์ของตัวเอกที่เขาได้คิดไว้นั่นเอง โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่ม 5 คนที่เรียกว่า เซนต์ (saint) ต่อสู้โดยใช้ร่างกายของตนเองเป็นอาวุธเพื่อปกป้องคิโดะ ซาโอริ ผู้เป็นอวตารของเทพีอะธีนา และต่อสู้กับทัพศัตรูแห่งความชั่วร้าย ในโลกร่วมสมัยที่มีบรรยากาศของเทพปกรณัมกรีก

ในประเทศญี่ปุ่น เซนต์เซย์ย่าลงตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะ และออกเป็นหนังสือรวมเล่มจำนวน 28 เล่มจบ ส่วนในประเทศไทย สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจได้รับสิทธิ์ในการตีพิมพ์ฉบับรวมเล่ม นอกจากภาคหลักแล้ว เซนต์เซย์ย่ายังได้รับการแต่งภาคเสริมขึ้นอีกหลายภาคด้วยกัน ได้แก่ ภาค Episode G , Next Dimension และ The Lost Canvas

นอกจากนี้ เซนต์เซย์ย่า ยังถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของอะนิเมะ และออกฉายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2529 โดยบริษัท โตเอแอนิเมชัน ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจนได้ออกอากาศติดต่อกันนานเกือบ 3 ปี นอกจากนี้ยังได้แพร่ภาพทางโทรทัศน์ในประเทศต่าง ๆ อีกหลายประเทศ ทั้งในแถบเอเชียด้วยกัน เช่น ประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ประเทศแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา ละตินอเมริกา รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งมีการนำเซนต์เซย์ย่ามาออกฉายเมื่อปี พ.ศ. 2531 ทางไทยทีวีสีช่อง 3 โดยใช้ชื่อว่า “เซย่า เทพบุตรหมัดดาวหาง”

จากนั้นก็ได้นำมาออกอากาศซ้ำอีกครั้งในปี พ.ศ. 2547 ทางสถานีโทรทัศน์ทรูวิชั่นส์ และยังมีการนำออกวางจำหน่ายในรูปแบบวีซีดีโดย บริษัท การ์ตูนอินเตอร์ จำกัด ด้วย นอกจากนี้เซนต์เซย์ย่ายังได้รับการดัดแปลงเป็นสื่อในรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ภาพยนตร์ ละครเวที เกม และของเล่นต่าง ๆ เป็นที่นิยมในวงการของนักสะสมเลยก็ว่าได้

13.SLAM DUNK : สแลมดังก์

อีกหนึ่งเรื่องที่เกี่ยวกับบาสเก้ตบอล อย่างเรื่อง สแลมดังก์ (พ.ศ. 2536)เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเขียนโดย ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ ได้รับการตีพิมพ์ และได้ลิขสิทธิ์โดย บริษัท เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด ปัจจุบัน ในประเทศไทยได้จบภาค 1 ไปแล้ว ซึ่งหวังว่าผู้เขียนจะเขียนภาค 2 ต่อ โดยในส่วนของภาค 1 นั้น ได้มีการทำเป็นการ์ตูนแอนิเมชัน และการดัดแปลงเป็นวิดีโอเกมแล้วด้วย

 

ซึ่งในเรื่อง สแลมดังก์ จะเป็นการ์ตูนแนวกีฬา “บอสเกตบอล” ของอ. ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ ที่โด่งดังมาเมื่อปี 1990 จนถึง 1996 และได้ถูกยกย่องว่าเป็นการ์ตูนที่บุกเบิกทางด้านกีฬาบาสเกตบอลให้เป็นที่รู้จักในหมู่คนอ่านอย่างมาก ทั้งชาวญี่ปุ่นและในบ้านเรา นอกจากนี้ยังเป็นแม่แบบให้กับการ์ตูนแนวบาสเกตบอลเรื่องอื่นๆ อีกด้วยเช่นกัน ภายในเรื่องนี้มีเล่าเรื่องของเหล่าตัวละครที่มีฝีมือและลีลาการเล่นที่เก่งกาจอยู่หลายคน จนเป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้ รวมไปถึงในเรื่องแฟชั่นการแต่งตัวก็ด้วยเช่นกัน

14. Toriko

ถึงแม้จะไม่ได้เก่าแก่เหมือนเรื่องอื่นๆเท่าใดนัก แต่ในเรื่อง โทริโกะ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานของ มิตสึโทชิ ชิมาบุคุโระ เริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะ  และลงตีพิมพ์อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และยังได้รับการจัดพิมพ์เป็นหนังสือการ์ตูนมาแล้ว

ในเรื่องนี้จะเล่าเรื่องราวถึง โลกสีฟ้า ที่มีอาหารมากมาย ทั้งบนฟ้าและในน้ำ วัตถุดิบประหลาดและความมหัศจรรย์ของอาหารจนเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเมือ 600 ปีก่อน แต่แล้วสงครามอันยาวนานได้จบลง ด้วยชุดอาหารมายาของนักล่าอาหารอาคาเชีย ของหวานมายา ที่ทำให้สงครามจบลง และเข้าสู่ยุครุ่งเรื่องของอาหาร และการค้นพบ แมงกระพรุนมายา ที่สามารถสร้างเซลล์ใหม่ได้ ไม่มีวันตายและสัตว์ที่กินมันเข้าไปสามารถวิวัฒนการได้ จนไปสู่ขั้นการปลูกถ่ายเซลล์ของอาคาเซีย

ยุคปัจจุบันนักล่าอาหาร 4 จตุรเทพผู้มีพลัง จากเซลล์กรุเมท ได้ปะทะกับ สมาคมนักล่าอาหาร ที่กำลังทยานไปสู่โลกใหม่ ได้แย่งชิงตัวเซฟ และวัตถุดิบในการทำอาหาร เพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น จนทำให้ ราชาจอมตะกละ ได้ส่งนักล่าเข้ามาในเขตเมือง ทำให้เข้าสู้ยุคตกต่ำ อาหารขาดแคลน โดยสมาคมปกป้องอาหาร IGO

และการเดินทางหาอาหารเพื่อช่วยเหลือพลเมืองมนุษย์อันน้อยนิด ต้องเข้าไปเก็บสมบัติ ของประทาน IGO ได้เจากับสมาคมอาหารโลกใหม่ NEO ผู้คิดครอบครองชุดอาหารมายาของอาคาเชียจึงเข้าสู่ Area 7 ทวีปแห่งขุนเขาล่า เพื่อช่วยชีวิตเซฟคนสำคัญของกลุ่ม

15. Naruto

ปิดท้ายด้วยตำนานแห่งการ์ตูนอย่าง นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ หรือ ที่เราคุ้นเคยกันดี กับ “Naruto” นั่นแหละ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เนื้อหาเกี่ยวกับนินจา เรื่องและภาพโดยมะซะชิ คิชิโมะโตะ ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2542 ในนิตยสาร “โชเน็งจัมป์” สำนักพิมพ์ชื่อดังในประเทศญี่ปุ่น โดยมีโครงเรื่องเดิมมาจากผลงานที่คิชิโมโตะเคยเสนอให้สำนักพิมพ์ในปี 2540 ต่อมาได้ถูกสร้างเป็น อะนิเมะ และ เกม หลายต่อหลายภาค

ส่วนในประเทศไทย Naruto ได้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์บูม ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัทเนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ ส่วนหนังสือการ์ตูนมีทั้งหมด 72 เล่ม ส่วนภาคอะนิเมะในชื่อไทยมี 2 ภาค คือ “นารูโตะ นินจาจอมคาถา” และ “นารูโตะ ตำนานวายุสลาตัน” เป็นลิขสิทธิ์ของ “โรส วิดีโอ” และเคยออกฉายทาง สถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ไทยพีบีเอส ในปัจจุบัน) และ ช่อง5

 

นอกจากนี้ “นารูโตะ นินจาจอมคาถา” ยังมีภาคที่เป็นมูฟวี่ถึง 3 ภาค และ “นารูโตะ ตำนานวายุสลาตัน” มีภาคมูฟวี่ทั้งหมด 8 ภาค และมีการฉายฉบับเสียงพากย์ภาษาไทย – อังกฤษผ่านทางช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์ก (ทรูวิชั่นส์) โดยจะเรียกชื่อเรื่องว่า นารูโตะ และใช้ทีมพากย์ภาษาไทยของทางการ์ตูนเน็ตเวิร์ก เอง และช่องรายการดาวเทียม “Gang Cartoon Channel” ทีมพากษ์โรส วิดีโอ

นารูโตะคือหนึ่งในการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และได้รับความนิยมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในอเมริกาและยุโรป มีเนื้อหาเกี่ยวกับนินจา ศาสตร์เวทมนตร์ โดยมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นโบราณผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ปรัชญาและคำสอนที่กินใจ ปมฝั่งใจในวัยเด็กที่แตกต่างกันของแต่ละคนเชื่อมโยงสู่อตีตอย่างคาดไม่ถึง การเรียนรู้ถึงความเจ็บปวดของสงครามที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในจิตใจของมนุษย์

Sharry

Writer, Project Editor, Photographer

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save