‘Duty to Entertain – ฟุตบอลต้องเอนเตอร์เทนท์’
ครั้งหนึ่งในยุคหลุยส์ ฟาน กาลคุมทีม เคยได้ยินประโยคนี้จากสปอนเซอร์หลักอย่างอาดิดาส (adidas) ที่เหมือนออกมากระตุ้นกลายๆ ให้ทีมผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหันมาเล่นเกมรุกบุกแหลกแทนการต่อบอลไปมาชวนง่วงเหงาหาวนอน ไม่สมกับชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนานในเรื่องของสไตล์การเล่นที่ดุเดือดเร้าใจ
จนกระทั่งหลุยส์ ฟาน กาล พี่อ้วนรองทรงโดนไล่ออก ด้วยความสะใจลึกๆพร้อมหัวใจที่พองโต เมื่อได้ยินข่าวว่าคนที่จะมาแทนคือชายที่ชื่อโชเซ่ มูรินโญ่!!
แม้จะรู้กิตติศัพท์ดีถึงสไตล์การเล่นที่เน้นความแน่นอนค่อนไปทางน่าเบื่อมากกว่าการบุกแหลกสไตล์ผีแดง แต่บอกตรงๆว่าเคยหลงเสน่ห์ผู้ชายคนนี้ตั้งแต่สมัยคุมปอร์โต้บุกมาถีบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตกรอบในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนพาทีมจากโปรตุเกสทะลุเข้าไปคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์ในปีนั้นได้อย่างเหนือความคาดหมาย
และเมื่อไหร่ก็ตามที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องพบกับทีมที่มูรินโญ่คุม ก็รู้สึกว่าทีมของเขานั้นแพ้ยากแพ้เย็น มีทีเด็ดทีขาดมาตัดสินผลแพ้ชนะอยู่ร่ำไป และด้วยลีลาท่าทางที่มีแต่คนเกลียด (ยิ่งเข้ากันดีกับสโมสรเราที่มีแต่คนเกลียดเหมือนกัน) ทำให้ดูเหมือนเคมีระหว่างสโมสรกับมูรินโญ่ดูลงตัวสุดๆ เมื่อรู้ว่ามีโอกาสที่เขาจะมาคุมทีม ข้อเสียอะไรก็มองข้ามไปหมด
เวลาผ่านไปสองปีกับอีกสามเดือนเริ่มงงๆ กับชายคนเดิมที่เคยชื่นชอบ ว่าตกลงจะคุมทีมไปในทิศทางไหน
“จะเน้นเล่นเกมรับแต่กองหลังเปื่อยยุ่ยยิ่งกว่าทิชชู่เปียกน้ำ จะเน้นเล่นเกมโต้กลับแต่เห็นสวนกลับทีไรสาดทิ้งกันสะเปะสะปะ วิ่งกันคนละทิศละทาง”
เลิกพูดถึงเล่นเกมรุก ปีกกับแบ็คจ่ายบอลแล้วยืนนิ่งอยู่ที่เดิม นักเตะเล่นกันเองเหมือนไม่มีไอเดียเกมรุกอยู่ในหัว ไม่รู้ว่าต้องวิ่งไปที่ไหนอย่างไร แม้แต่เจอทีมที่อ่อนชั้นกว่าในบ้านตัวเองยังบุกแบบกล้าๆกลัวๆ เหมือนรอให้คู่แข่งพลาดเองมากกว่า
พยายามคิดว่าถ้าไม่ใช่มูรินโญ่โลกนี้ก็คงไม่มีใครมากอบกู้สโมสรรักให้กลับมาได้แล้ว แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนถูกหักหลังจากผลการแข่งขัน ไม่ก็จากสไตล์การเล่น พอเหมือนจะมีหวัง ก็มาทำลายความหวัง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พยายามนั่งหาเหตุผลว่าทำไมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงเล่นเกมบุกไม่เป็นโล้เป็นพายสักที เป็นเพราะนักเตะหรือเพราะแผนของผู้จัดการทีม จนได้ฟังคำสัมภาษณ์ของปอล ป็อกบาจึงทำให้มั่นใจว่า ที่ผ่านมาน่าจะเป็นแผนของมูรินโญ่นี่เอง
“นักเตะเหมือนอยากจะบุกใจจะขาดแต่โดนกั๊กไว้”
แล้วมันเพราะอะไรทำไมต้องจำกัดความสามารถของนักเตะที่มีอยู่ด้วยเล่า?
ใจจริงอยากให้เวลามูรินโญ่นานกว่านี้ อยากให้เป็นคนๆนี้ที่พาทีมกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ แต่ถ้าทัศนคติของเขาไม่เปลี่ยน หรือเพราะเปลี่ยนไม่ได้ เพราะมีอยู่สไตล์เดียวในชีวิต ก็คงจะดีกว่าถ้าต้องกล่าวคำว่าลาก่อน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปกว่านี้?
บทความโดย
Chote~so~chill สจ๊วตหนุ่มผู้ปวารณาตนเป็นแฟนผีแดงเข้าเส้นมานานกว่า 25 ปี